บทวิเคราะห์การนำเข้าส่งออกไทย

ทดสอบการตั้งวันที่

ทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้า

ทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้าทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้าทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้าทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้าทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้าทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้าทดสอบลงบทความตั้งวันที่ล่วงหน้า

ทดสอบ ทดสอบ 2022

วันที่ 1 ก.ย.2565 - นางชวิณา วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ในเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2565 กปน. ขอความร่วมมือประชาชนงดลอยกระทงในคลองประปา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และสงวนรักษาน้ำดิบในคลองประปาให้มีคุณภาพดี เหมาะแก่การนำไปผลิตน้ำประปาสะอาดปลอดภัยวันที่ 1 ก.ย.2565 - นางชวิณา วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ในเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2565 กปน. ขอความร่วมมือประชาชนงดลอยกระทงในคลองประปา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และสงวนรักษาน้ำดิบในคลองประปาให้มีคุณภาพดี เหมาะแก่การนำไปผลิตน้ำประปาสะอาดปลอดภัยวันที่ 1 ก.ย.2565 - นางชวิณา วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ในเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2565 กปน. ขอความร่วมมือประชาชนงดลอยกระทงในคลองประปา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และสงวนรักษาน้ำดิบในคลองประปาให้มีคุณภาพดี เหมาะแก่การนำไปผลิตน้ำประปาสะอาดปลอดภัยวันที่ 1 ก.ย.2565 - นางชวิณา วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ในเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2565 กปน. ขอความร่วมมือประชาชนงดลอยกระทงในคลองประปา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และสงวนรักษาน้ำดิบในคลองประปาให้มีคุณภาพดี เหมาะแก่การนำไปผลิตน้ำประปาสะอาดปลอดภัย

ทดสอบ ทดสอบ 2021

กปน. เชิญชวน ลอยกระทงวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชูแคมเปญ "1 ครอบครัว 1 กระทง" ขอความร่วมมือประชาชน "งดลอยกระทง" ในคลองประปา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินกปน. เชิญชวน ลอยกระทงวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชูแคมเปญ "1 ครอบครัว 1 กระทง" ขอความร่วมมือประชาชน "งดลอยกระทง" ในคลองประปา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

ในช่วงการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้สหรัฐฯ ดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ประเทศในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะกระทบต่อธุรกิจต่างๆ ให้ต้องปิดกิจการลงชั่วคราวแล้ว ยังส่งผลต่อพฤติกรรมและทัศนคติการบริโภคของชาวสหรัฐฯ ให้เปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน ซึ่งทัศนคติต่อการซื้อเครื่องประดับหลังโควิด-19 จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร De Beers ได้ทำการศึกษาไว้เพื่อเป็นแนวทางการปรับตัวให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งสรุปได้ ดังนี้

สถานการณ์นำเข้าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2563

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำในช่วง 5 เดือนแรกปี 63 ติดลบ 34.8% เกือบทุกสินค้าและแทบทุกตลาดสำคัญหดตัวลงมาก จากพิษโควิด-19 ที่ฉุดเศรษฐกิจของหลายประเทศและของโลกให้ชะลอตัวลง

สถานการณ์การส่งออกสินคา้อัญมณีและเครื่องประดับไทยในระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม ปี 2563

ผลกระทบโควิด-19 ทำไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำในไตรมาสแรกของปี 63 ลดลง 20.18% หรือมีมูลค่า 1,563 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ถ้ารวมทองคำ มูลค่าส่งออกเติบโตได้ 71.85% หรือมีมูลค่า 5,442.28 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นสินค้าส่งออกในอันดับ 2 (รองจากรถยนต์) และคิดเป็นสัดส่วน 8.68% ของการส่งออกโดยรวมของไทย โดยตลาดส่งออกหลักอย่างสหภาพยุโรปและฮ่องกง รวมถึงตลาดสำคัญอย่างกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและจีน หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวรับมือกับเทรนด์ New Normal ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป การค้า E-Commerce พุ่งสูง เพราะลูกค้าหันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น และจะซื้อสินค้าที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง รวมถึงการรับข่าวสารผ่าน Social Media และ Chat App มากกว่าช่องทางอื่น

สถานการณ์การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2563

มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2563 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 71.67 หรือมีมูลค่า 3,746.33 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 2 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.30 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ เมื่อหักทองคำฯ ออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 1,125.57 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 18.01 ตลาดหลักอย่างสหภาพยุโรป และฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันราวร้อยละ 40 รวมถึงจีน หดตัวลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่วนตลาดที่ยังเติบโตได้เป็นบวกนั้น หลายประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนี้อย่างชัดเจน

สถานการณ์การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม ปี 2563

การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม 2563 เติบโตสูงถึง 1.15 เท่า หรือมีมูลค่า 1,740.11 ล้านเหรียญสหรัฐ) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่า 807.38 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 2 รองจากรถยนต์ และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.87 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ เมื่อหักทองคำฯ ออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 530.45 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 5.11 โดยสินค้าที่เติบโตได้คือ เครื่องประดับทอง พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน และเครื่องประดับแพลทินัม ส่วนตลาดที่ขยายตัวได้คือ สหภาพยุโรป (อิตาลี เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส) สหรัฐอเมริกา อินเดีย กลุ่มประเทศออกกลาง (UAE กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย) รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (รัสเซียและอาร์เมเนีย)

สถานการณ์การนำเข้าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยปี 2562

ในปี 2562 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยทำรายได้จากการส่งออก 15,689.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสูงถึง 30.91% นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 (รองจากรถยนต์และคอมพิวเตอร์) และคิดเป็นสัดส่วน 6.37% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่เมื่อไม่รวมทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 8,095.65 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.34% โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทยที่ขยายตัวได้ดีคือ อินเดีย อาเซียน (สิงคโปร์ กัมพูชา และเวียดนาม) กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (ยูเออี กาตาร์ คูเวต โอมาน) ในขณะที่ตลาดหลักเดิมอื่นๆ อย่างฮ่องกง สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าหดตัวลง สำหรับการส่งออกปี 63 จะต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ การประท้วงในฮ่องกง ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา และภัยธรรมชาติ อาจบั่นทอนการส่งออกของไทยในปีนี้

บทวิเคราะห์สถานการณ์นำเข้าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน ปี 2562

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 ทำรายได้ 14,968.05 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสูงถึงร้อยละ 34.73 เมื่อเทียบกับปี 2561 นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.59 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทยรองจากรถยนต์ และคอมพิวเตอร์ โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวดีคือ ทองคำฯ เครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ส่วนตลาดสำคัญที่เติบโตได้ดีคือ กลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ และกัมพูชา อินเดีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และคูเวต สำหรับปัจจัยที่ท้าทายส่งออกไทยปีหน้าที่ต้องติดตามคือ นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ สถานการณ์ประท้วงในฮ่องกง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สินค้าเสียโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก

บทวิเคราะห์สถานการณ์ส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม ปี 2562

ในช่วงเดือนมกราคม – ตุลาคม 2562 ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเป็นมูลค่า 13,974.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสูง 37.59% นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 รองจากรถยนต์ และคอมพิวเตอร์ โดยไทยส่งออกทองคำฯ ได้เพิ่มขึ้นสูงถึงเกือบเท่าตัว เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาในจังหวะที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้พลอยสีทั้งพลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ก็ยังขยายตัวได้ดี ส่วนตลาดส่งออกสำคัญที่เติบโตได้ในแนวบวกคือ อินเดีย อาเซียน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งไทยควรเร่งรุกตลาดเหล่านี้

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
ชั้น 4 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ เลขที่ 140 ถนนสีลมแขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970